ย้อนรอยกว่าจะมาเป็นพวงหรีด />

ย้อนรอยกว่าจะมาเป็นพวงหรีด

การส่งมอบแทนความอาลัยในงานศพที่เราคุ้นเคยและพบเห็นอยู่บ่อยคงหนีไม่พ้น ดอกไม้หรือสิ่งของที่เป็นตัวแทนความอาลัย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการให้เกียรติผู้ล่วงลับ ทั้งช่วยคลายความโศกเศร้า ลดความเศร้าหมอง และช่วยปลอบประโลมเจ้าภาพหรือผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิตไป ซึ่งหลายคนสงสัยกันไหมคะ ว่าพวงดอกไม้ต่าง ๆ มีหลากหลายประเภทแต่ที่พบเห็นได้บ่อยตามศาลาวัดเช่นพัดลมประดับด้วยดอกไม้ ต้นไม้ประดับผ้ากระสอบ ผ้าจับจีบรูปต่าง ๆ ที่มาวางกันเรียงรายภายในงานศพที่เรามักเจอในงานสวดพระอภิธรรมมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมต้องมอบให้กัน แล้วแพร่หลายในประเทศไทยเราเมื่อใด นอกจากความสวยของดอกไม้ที่ช่วยให้บรรยากาศภายในงานลดความเศร้า เพิ่มความสบายใจ เป็นกำลังใจให้คนที่มาร่วมงาน ดังนั้นวันนี้เราจะพามาย้อนรอยอดีตกันค่ะ

ปัจจุบันนี้เวลาไปงานพิธีงานศพเราจะเห็นดอกไม้อาลัยถูกวางโดยทั่วไป ในงานแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดีในงานศพที่ผู้มาร่วมงานมักนำมามอบให้แก่ผู้ครอบครัวหรือญาติผู้เสียชีวิต แม้วัฒนธรรมการมอบตัวแทนความอาลัยในแต่ละประเทศอาจจะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการมอบเพื่อแสดงถึงความยินดี ดีใจร่วม หรือแทนความเสียใจ แต่สำหรับประเทศไทยเรานั้นการมอบหรีดในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สด พัดลม อาสนะ หรือของใช้เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเคารพ ความอาลัยต่อผู้ล่วงลับ และเป็นการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับญาติผู้วายชนม์ ซึ่งรูปแบบที่เราเห็นตั้งแต่เด็กจนโตก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย ซึ่งการดีไซน์ขึ้นอยู่กับความต้องการความนิยม ประโยชน์ในการใช้งานต่อมีพัฒนารูปแบบให้มีความหลากหลายมากกว่าในอดีตมากขึ้น

ต้นกำเนิด

มีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยอารยธรรมอีทรัสคันในยุโรปตอนใต้เมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ในฐานะเครื่องประดับจากธรรมชาติที่สวมใส่บนศีรษะ จุดเริ่มต้นมาจากเรื่องราวความรักของเทพอะพอลโลผู้หลงรักนางแดฟนี่ข้างเดียว เมื่อเจอว่าหญิงที่รักจากไป เทพอะพอลโลจึงทำได้เพียงนำใบไม้ต่าง ๆ มาทำสวมหัวเพื่อระลึกถึงนางแดฟนี่ นับแต่นั่นมาเลยกลายเป็นสัญลักษณ์แทนเทพอะพอลโลไปโดยปริยาย ชาวโรมันที่นับถือในฐานะเทพแห่งชัยชนะและความสง่างามจึงสวมดอกไม้ที่หัวเมื่อออกรบหรือได้รับชัยชนะกลับมา ซึ่งยืนยันได้จากการพบมงกุฎทองสำหรับนักรบเมื่อเวลาออกรบเพื่อเป็นเกียรติยศ โดยแกะเป็นลายใบไม้และดอกไม้

ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16-19 ชาวคริสเตียนนิยมใช้หรีดในงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะวันคริสมาสต์ โดยถูกดัดแปลงจากของโรมันที่ใช้เพียงใบไม้เป็นกระดาษและริบบิ้นที่มีสีสันสวยงามและเน่าเสียได้ยากแทน ตกแต่งเพิ่มด้วยลูกสนเป็นสัญลักษณ์ของการถือกำเนิดความอุดมสมบูรณ์ นิยมแขวนไว้หน้าประตูบ้าน ห้องอาหาร โถงจัดเลี้ยงหรือโบสถ์ จากนั้นจึงได้เปลี่ยนมาใช้เป็นดอกไม้สดแทน มีรูปทรงกลม ๆ ประดับด้วยดอกไม้เหมือนมงกุฎดอกไม้สดแต่มีขนาดเล็กกว่า

ภายหลังในยุควิคตอเรียนซึ่งเป็นยุคที่เฟื่องฟูไปด้วยศาสตร์และศิลป์ มีการพรรณนาความหมายของดอกไม้แต่ละชนิดอย่างลึกซึ้งกว้างมากขึ้น ซึ่งยุคนี้เองที่ธรรมเนียมการใช้หรีดในงานอวมงคลเริ่มเข้ามา ซึ่งถูกกลายเป็นสิ่งที่แสดงความอาลัยให้กับผู้ที่ตาย เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อมีคนตาย จะมีเทวทูตจะลงมารับวิญญาณและการนำหรีดต่าง ๆ มาวางไว้หน้าหลุมศพจึงเป็นการต้อนรับเทวทูตด้วยเช่นกัน และค่านิยมของชาวยุโรปต่าง ๆ ได้แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกกลายเป็นสิ่งสากลไปในที่สุด

ในประเทศไทย

เริ่มเข้ามาในไทยเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นยุคที่อารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายอย่างมาก โดยปรากฏหลักฐานในภาพถ่ายการนำดอกไม้หลากหลายชนิดมาจัดแต่งเป็นทรงกลมคล้ายหรีดในงานศพของ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม หรือ สมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา พระสนมเอกในรัชกาลที่ 5 เมื่อปี 2447  จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวงหรีดถูกนำเข้ามาในประเทศไทยและใช้เพื่อเป็นเสื่อแทนการแสดงความเสียใจ

การแพร่หลายนำดอกไม้มาจัดต่อผู้ที่ล่วงลับ

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอิทธิพลการใช้ดอกไม้ไว้อาลัยในงานอวมงคล เริ่มเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่เนื่องจากสมัยนั้นจะมีเพียงงานศพของชนชั้นสูงเท่านั้นที่มีการนำดอกไม้มาจัด แต่ภายหลังได้แพร่หลายสู่ชนชั้นกลางไปจนถึงสามัญชน คนทั่วไปและกลายเป็นสิ่งสำคัญในทุกงานศพที่แขกต้องมอบให้เจ้าภาพเพื่อแสดงความอาลัยกันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความหมายแอบซ่อนในดอกไม้แต่ละชนิดที่นำมาประดับเป็นหรีด สื่ออามารณ์และความรู้สึกได้ แต่เปรียบชีวิตมนุษย์เหมือนดอกไม้ที่ย่อมเหี่ยวเฉาตามกาลเวลา ดังนั้นจึงทำให้สิ่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการไว้อาลัยต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วในงานศพ

การแพร่หลาย

ในปัจจุบันเป็นอย่างไร

สำหรับในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีเพียงดอกไม้สดเท่านั้นที่เราจะนำมาแสดงความเสียใจกับเจ้าภาพเท่านั้น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปผู้คนเริ่มหันมามองถึงคุณค่ามากขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าเราใช้สิ่งของตัวแทนความอาลัยในการแสดงความอาลัยพร้อมกับเป็นสิ่งของที่หลังจบงานเจ้าภาพก็ยังสามารถใช้งานต่อได้ จึงทำให้เกิดไอเดียนำสิ่งของต่างๆมาทำเป็นหรีดในปัจจุบันแต่ยังคงความหมายเดิมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้พัดลม ผ้า ดอกไม้จันทน์ หรือตู้ยาเป็นต้น

พวงหรีดในปัจจุบัน

สรุป

สุดท้ายนี้ทุกคนคงทราบต้นกำเนิดและความเป็นมาของพวงหรีดแล้วใช่ไหมคะ ว่าทำไมจึงเป็นที่นิยมและถูกใช้ในงานศพอยู่บ่อยครั้ง แม้ในปัจจุบันจะไม่ได้มีเพียงดอกไม้สดเท่านั้น เนื่องจากให้เข้ากับยุคสมัยและเหมาะสมในการใช้จึงมีการประยุกต์หรีดออกมาหลายรูปแบบมากขึ้น แต่ยังคงความหมายการไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ สำหรับใครที่กำลังมองหาพัดลม18นิ้ว สวย ๆ ความหมายดี ให้เราแนะนำได้ค่ะ มีแบบให้เลือกหลากหลายตามความต้องการค่ะ