Skip to content

ความเชื่อและพิธีงานศพในศาสนาต่าง ๆ ที่คุณไม่รู้

    พิธีงานศพ ถือเป็นธรรมเนียมที่มีมาอย่างยาวนานจัดขึ้นให้แก่ผู้วายชนม์เป็นครั้งสุดท้าย โดยในประเทศไทยเรานั้นมีความเชื่อและการนับถือศาสนาต่าง ๆ อยู่มากมายโดยแบ่งเป็น 3 ศาสนาใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และคริสต์ศาสนา ซึ่งแต่ละศาสนาก็จะมีความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติในการจัดงานศพที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นในบทความนี้เราจะพามารู้จักกับความเชื่อและพิธีงานศพในศาสนาต่าง ๆ ที่คุณไม่รู้กันค่ะ

    สถานที่จัดงานศพ

    งานศพเป็นงานอวมงคลหรือพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือเป็นงานที่เราทำเพื่อเป็นการให้เกียรติและระลึกถึงคุณงามความดีของผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งแต่ละวัฒนธรรม ชนชาติ และศาสนาก็มีความเชื่อและหลักการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่ถึงแม้พิธีงานศพจะแตกต่างกันไปแต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือทุกพิธีที่จัดขึ้นมานั้นเพื่อเป็นการอาลัยให้เกียรติและเคารพต่อผู้วายชนม์ ภาพของบรรยากาศงานศพนอกจากจะเป็นภาพของความไว้อาลัยและความโศกเศร้าเสียใจแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจะเห็นกันในทุกครั้งในงานศพก็คือบรรดาญาติ มิตรสหาย บุคคลใกล้ชิด ต่างพากันมาร่วมงานด้วยใจจริงและเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพื่อเป็นการส่งผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย

    แบบชาวพุทธ

    ถือเป็นพิธีกรรมที่คนไทยหลาย ๆ คนรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาพุทธเป็นหลักนั่นเอง สำหรับชาวพุทธในประเทศไทยเรามีความเชื่อเกี่ยวกับความตายว่าเปรียบเป็นการดับขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ อีกทั้งยังมีความเชื่อตามคำสอนตามศาสนาว่าในตัวคนเราประกอบด้วย 2 ส่วนด้วยกันก็คือ รูป และ จิต แม้ร่างกายแตกดับไปแล้ว แต่จิตยังคงไม่ไปไหน ยังวนเวียนไปตามผลที่เคยทำ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ การเวียนว่ายตายเกิด คือเมื่อใดที่เสียชีวิตลงก็จะต้องเดินทางจากโลกมนุษย์ไปอีกโลกหนึ่งหรืออีกภพภูมิหนึ่ง จึงทำให้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรืองานศพให้แก่ผู้วายชนม์ เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยส่งให้ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับไปแล้วได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีไปสุคติภูมิแทนการเกิดในทุคติภูมิหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ยิ่งกว่านั้นการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและสวดอภิธรรมเป็นเวลาหลายวันจะเป็นการช่วยเยียวยาความรู้สึกของบุคคลในครอบครัวผู้เสียชีวิต หรือญาติสนิทมิตรสหายให้คลายความโศกเศร้าลงได้บ้าง
    ส่วนในขั้นตอนการประกอบพิธีงานศพแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ด้วยกัน อันได้แก่

    • การอาบน้ำหรือรดน้ำศพ
    • การบำเพ็ญกุศลและสวดอภิธรรมศพ
    • พิธีฌาปนกิจ และสุดท้าย
    • การเก็บอัฐิ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนของพิธีนั้นล้วนแฝงคติธรรมความเชื่อ สัจธรรมต่าง ๆ แห่งชีวิตเพื่อเป็นการเตือนใจให้เรารำลึกถึงการมีอยู่ การตายและตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทค่ะ

    พิธีงานศพสำหรับประเทศไทยธรรมเนียมผู้คนส่วนใหญ่ส่งพวงหรีดไปงานด้วยเพื่อเป็นการแสดงความอาลัย

    แบบศาสนาอิสลาม

    โดยในศาสนาอิสลามนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องความตายว่า ไม่ใช่การสิ้นสุดหรือจุดสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แท้จริงหรือเป็นนิรันดร์ หรือที่ชาวมุสลิมเชื่อกันว่าเป็นการกลับสู่ความเมตตาของพระเจ้าหรือพระอัลเลาะห์ ดังนั้นจึงถือว่าไม่ใช่การดับสูญแต่เป็นการเคลื่อนย้ายจากโลกหนึ่งไปอีกโลกหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีความเชื่อว่าเนื้อแท้ของมนุษย์เป็นวิญญาณ หรือเรียกว่า รูห์ ที่ยังคงสภาพอยู่ที่ไม่ใช่เรือนร่างอันเป็นวัตถุและเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งเป็นหลักศรัทธาที่ยึดถือกันมาตลอดของชาวมุสลิมคือการศรัทธาในโลกหน้าหรือการฟื้นคืนชีพหลังความตายเพื่อถูกการไต่สวนการกระทำต่าง ๆ ของตน

    สำหรับขั้นตอนพิธีงานศพของชาวมุสลิม ถือเป็นพิธีที่ต้องจัดขึ้นและต้องเสร็จสิ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ด้วยกัน 4 ขั้นตอนคือ 1.การอาบน้ำทำความสะอาดให้ศพ 2.การกะฝั่นหรือการห่อศพด้วยผ้าขาว 3.การละหมาดหรือสวดวิงวอนเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับ และสุดท้าย 4. การฝังที่สุสานหรือที่เรียกว่า กุโบร์

    แบบคริสต์ศาสนา

    สำหรับชาวคริสต์จะมีความเชื่อของเรื่องการตายแล้วฟื้นขึ้นมา จึงได้เปรียบว่า ความตาย ก็เสมือนการย้ายหรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่จากที่เดิมไปสู่ที่ใหม่ และเนื่องด้วยศาสนาคริสต์มีหลายนิกายด้วยกัน ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องความตายและโลกหลังความตายก็จะแตกต่างกันไปตามนิกาย เช่นนิกายโรมันคาทอลิก ผู้ที่นับถือนิกายนี้เชื่อว่าความตายนั้น คือสภาวะที่ร่างกายและจิตวิญญาณได้แยกออกจากกันแล้ว เมื่อเสียชีวิตลง ร่างกายก็จะสลายกลายเป็นธุลีดินตามเดิม ส่วนวิญญาณนั่นจะถูกพาไปพิพากษาตามบุญและบาปที่ได้เคยทำไว้ในตอนที่อยู่ชีวิต และนอกจากนั้นแล้วชาวคาทอลิกยังมีความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพภายหลังความตายอีกด้วย ในส่วนนิกายโปรเตสแตนต์ มีความเชื่อว่า การที่เรามีอยู่ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์เป็นแค่การอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ชีวิตหลังความตายต่างหากที่ถือว่าเป็นชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ที่แท้จริง นั่นก็คือการได้กลับไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์อย่างถาวร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อ ความรักและศรัทธาในพระองค์

    แบบคริสต์

    สำหรับขั้นตอนในการจัดพิธีงานศพตามประเพณีของชาวคริสต์เชื่อว่าก่อนที่จะใกล้สิ้นชีวิต ทางครอบครัวหรือญาติจะเชิญบาทหลวงมาเพื่อทำพิธีศีลเจิม เป็นการให้พรและกำลังใจของพระเจ้าแก่ผู้ที่กำลังจะจากไปให้อยู่ในศีลในพรของพระองค์ และในการประกอบพิธีแบบคริสต์ศาสนามี 4 ขั้นตอนด้วยกันคือ

    • การสวดศพทางคริสต์ศาสนา
    • การนำร่างผู้เสียชีวิตลงโลงศพ
    • ทำพิธีมิสสา และสุดท้าย
    • พิธีฝังศพที่สุสาน

    แม้ว่าทั้งสามศาสนาที่เราได้เล่าอธิบายมาข้างต้นจะมีความเชื่อและขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีกรรมงานศพที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งสามศาสนาก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือการไว้อาลัย รำลึกถึงความดีงาม และเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การมอบพวงหรีดก็ถือเป็นการแสดงความเสียใจจากใจจริงและเป็นการเคารพและให้เกียรติสำหรับผู้วายชนม์

    สำหรับงานศพแบบศริสต์และพุทธในกรุงเทพเท่าที่พบเห็นส่วนใหญ่จะนิยมใช้พวงหรีดดอกไม้สด(คลิกดู)ไปที่งานพิธี หากใครต้องไปร่วมงานแล้วมีความต้องการให้ส่งไปที่งาน นึกถึงร้านเรานะคะ